ไทยยูเนี่ยนประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทในเครือ สงขลาแคนนิ่ง เป็น ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น รองรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง | i-Tail Corporation

ไทยยูเนี่ยนประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทในเครือ สงขลาแคนนิ่ง เป็น ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น รองรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

02 กันยายน 2564
ไทยยูเนี่ยนประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทในเครือ สงขลาแคนนิ่ง เป็น ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น รองรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

กรุงเทพฯ – 2 กันยายน 2564 – บริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทในเครือ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับการพัฒนาและขยายกิจการในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยการเปลี่ยนชื่อบริษัทจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจภายใต้ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตของไทยยูเนี่ยน โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนได้ใช้เวลาอยู่บ้านกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น”

นอกจากนี้ โรงงานสงขลาแคนนิ่ง เดิมหรือ ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง สำหรับส่วนของสายการผลิตอาหารอื่นๆ ที่นอกเหนือจากอาหารสัตว์เลี้ยง จะย้ายการผลิตไปยังโรงงานอื่นๆ ของไทยยูเนี่ยน

“และเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตของกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ไทยยูเนี่ยนได้มีการปรับแผนงานใหม่ที่นำนวัตกรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ของเรา โดย Global PetCare Innovation (GPCI) และ Global Innovation Center (GIC) หรือศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน จะมีภารกิจสำคัญคือพัฒนานวัตกรรมและตรวจสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของเรา โดยมีเป้าหมายในการสร้างสุขภาพที่ดีและอายุขัยที่ยืนยาวให้กับสัตว์เลี้ยง” นายธีรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน