การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
บริษัทฯ ประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรน้ำด้วยเครื่องมือ Aqueduct Water Risk Atlas 4.0 ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute :WRI) การประเมินนี้ประกอบด้วย ปริมาณความเสี่ยงทางกายภาพ (เช่น ความตึงเครียดของการใช้น้ำพื้นฐาน (baseline water stress) ความเสี่ยงจากน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำ (Riverine Flood Risk) และความเสี่ยงจากความแห้งแล้ง) คุณภาพความเสี่ยงทางกายภาพ และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและด้านชื่อเสียงสำหรับโรงงานผลิตของเรา และคู่ค้าหลักของเรา
เครื่องมือ Aqueduct จำแนกความเสี่ยงออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ระดับต่ำ (น้อยกว่า 10%) ระดับต่ำ-กลาง (10-20%) ระดับกลาง-สูง (20-40%) และระดับสูง (40-80%)
โรงงานของเราถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านน้ำในระดับกลาง-สูง (20-40%)
แม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง แต่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผ่านการติดตามอย่างต่อเนื่อง การระบุความเสี่ยงและโอกาสด้วยความระมัดระวัง
เราตระหนักว่าน้ำและทรัพยากรน้ำมีความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และได้ดำเนินการตามกรอบคู่มือการเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานสากล หรือ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) ซึ่งผนวกประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศเข้าเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายขององค์กร
ในการติดตามผลการดำเนินการ ได้มีการกำหนดดัชนีชี้วัดความสำเร็จในการลดการใช้น้ำ การค้นหาแหล่งน้ำทางเลือก และการกำหนดแผนฉุกเฉิน เช่น ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมในโรงงานแต่ละแห่ง
ความก้าวหน้าของการดำเนินการ
ในปี 2567 บริษัทฯ ริเริ่มโครงการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ที่โรงงานจังหวัดสงขลา ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม 2567 โครงการดังกล่าวสามารถลดความเข้มข้นของการใช้น้ำลงได้ถึง 14% เมื่อเทียบกับปี 2566
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Dry Concept ซึ่งเริ่มด้วยการประเมินการใช้น้ำอย่างครอบคลุม น้ำจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลในบริเวณที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตอาหารและไม่สัมผัสกับมนุษย์ ตลอดจนมีการควบคุมอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร
โครงการดังกล่าวสามารถลดการสูญเสียน้ำในการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียได้เป็นอย่างดี
อัตราการใช้น้ำ (m3/ t FG)
ด้วยกลยุทธ์ Dry Concept Strategy ทำให้โรงงานต่างๆ ของบริษัทฯ สามารถลดความเข้มข้นของการใช้น้ำได้ถึง 9% เมื่อเทียบกับปี 2566
กรณีศึกษาโรงงาน ไอ-เทล สงขลา
โรงงานไอ-เทล จังหวัดสงขลาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่สำคัญของเราในภาคใต้
ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำ และปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำเสียผ่านการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ภายในโรงงาน
ความสำเร็จ:
ลดความเข้มข้นของการใช้น้ำได้ 14%:
เมื่อเทียบกับปี 2566 ความเข้มข้นของการใช้น้ำ (ปริมาณน้ำที่ใช้ต่อการผลิต 1 ยูนิต) ลดลง 14% ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการดำเนินการด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ

โรงงานรีไซเคิลน้ำ:
โรงงานรีไซเคิลน้ำที่เพิ่งสร้างเสร็จนี้ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาไปสู่เป้าหมายการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ โดยนำน้ำทั้งหมดที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วไปบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ภายในโรงงาน ทำให้ลดการพึ่งพาน้ำจากแหล่งภายนอก รวมทั้งลดปริมาณการปล่อยน้ำเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ด้วย
การใช้น้ำอย่างยั่งยืน:
ด้วยเทคโนโลยีประหยัดน้ำและโรงงานรีไซเคิลน้ำ ทำให้โรงงานไอ-เทล จังหวัดสงขลาใช้น้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานโลกด้านการบริหารจัดการทรัพยากร
ก้าวต่อไป
- เพิ่มความสามารถในการรีไซเคิล : เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถของโรงงานรีไซเคิล และดำเนินการให้มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายหลักด้านการรีไซเคิลของบริษัทฯ ได้เป็นส่วนใหญ่
- ปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง : บริษัทฯ จะติดตามการเก็บข้อมูลการใช้น้ำ รวมทั้งหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือกระบวนการใหม่ๆ เพิ่มเติมที่จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำ และยกระดับความยั่งยืนต่อไป
- การฝึกอบรมพนักงาน : เราจะเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในหมู่พนักงานเกี่ยวกับความสำคัญของการลดการใช้น้ำ และสนับสนุนให้พนักงานยึดมั่นแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการจัดการและการผลิต
- อื่นๆ